วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ข้อมูลสารสนเทศบ้านปลาเข็ง

หมู่บ้าน (Village Development Report : VDR)
บ้าน ปลาเข็ง หมู่ที่ 3 ตำบล จอมพระ อำเภอ จอมพระ จังหวัด สุรินทร์

2. สภาพทั่วไปของหมู่บ้าน
2.1 ประวัติความเป็นมาของหมู่บ้าน
บ้านปลาเข็ง อยู่ห่างจากอำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ ไปทางเหนือ ระยะทาง 3 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับการปกครองของตำบลจอมพระ อำเภอจอมพระ จังวัดสุรินทร์ เมื่อ พ.ศ. 25461 มาเท่าทุกวันนี้
บ้านปลาเข็ง เริ่มจัดตั้งเป็นหมู่บ้านเมื่อประมาณ พ.ศ. 2400 โดยมีคนกลุ่มหนึ่ง ประกอบด้วย นายเมา บูรณะ นายจิม จินดาศรี นายโย บูรณะ นายเผือก การงานดี พากันอพยพมาจากจอมพระ มาสร้าง กระต๊อบเล็กๆ เป็นที่อยู่อาศัย บริเวณทิศใต้หนองปลาเข็ง
คำว่า “บ้านปลาเข็ง” ตั้งมาจากชื่อหนองน้ำปลาเข็ง ที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของหมู่บ้าน



2.2 ที่ตั้ง/ลักษณะภูมิประเทศ/ทรัพยากรของหมู่บ้าน
ลักษณะภูมิประเทศ เป็นที่ราบลุ่ม พื้นล่างเป็นดินลูกรังและหินดาน บางแห่งเป็นดินร่วนปนทราย พื้นที่ มีเนื้อที่ทั้งหมด 2.16 ตารางกิโลเมตร หรือ ประมาณ 1,351 ไร่ที่อยู่ 98 ไร่ การเกษตร/อื่นๆ 1,253 ไร่ที่ตั้ง ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ของอำเภอ จอมพระ ห่างจากอำเภอ ระยะทาง 3 กิโลเมตร จากจังหวัด ประมาณ 31 กิโลเมตร




แหล่งทรัพยากรน้ำ
หมู่บ้านมีแหล่งน้ำ ที่สำคัญ 3 แห่ง คือ ชื่อหนองม้าโป่ง พื้นที่ 21 ไร่ มีน้ำใช้ตลอดปี ชื่อหนองปลาเข็ง มีพื้นที่ 9 ไร่ มีน้ำใช้ตลอดปี ชื่อห้วยลึก กว้าง 15 เมตร ยาว 1,200 เมตร มีน้ำใช้ตลอดปี

อาณาเขต
 ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านสำโรง หมู่ที่ 3 ตำบลหนองสนิท
อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์
 ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านหนองขอน หมู่ที่ 2 ตำบลจอมพระ
อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์
 ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านสามัคคี หมู่ที่ 5 ตำบลผือ
อำเภอ จอมพระ จังหวัด สุรินทร์
 ทิศตะวันตก ติดต่อกับ บ้านขาม หมู่ที่ 7 ตำบลจอมพระ
อำเภอ จอมพระ จังหวัด สุรินทร์


การคมนาคม มี 2 เส้นทาง
1. ทางหลวงชนบท หมายเลข สร. 4017 สายบ้านขาม – บ้านตลาด เชื่อมต่อทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 214 สายสุรินทร์ (จอมพระ) – ร้อยเอ็ด ที่บ้านขาม หมู่ที่ 7 ตำบลจอมพระ
2. ถนนลูกรัง/หินคลุก ของ อบต.จอมพระ เชื่อมถนนสาย สร. 4017 – บ้านกระทุ่ม (โรงเรียนบ้านกระทุ่ม)


สภาพภูมิอากาศ
บ้านปลาเข็ง ได้รับอิทธิพลลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ได้พัดพาเอาความหนาวเย็น และความแห้งแล้งเข้ามา และยังได้รับอิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ พัดเอาฝนและความชื้นเข้ามา ทำให้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงในรอบปีที่แตกต่างกัน แบ่งออกเป็น 3 ฤดู คือ
1) ฤดูฝน อยู่ช่วง เดือนพฤษภาคม ถึง เดือนตุลาคม โดยได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นลมที่ก่อให้เกิดฝนตกทั่วประเทศ ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,100 – 1,300 มิลลิลิตร/ปี และอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 27 องศาเซลเซียส
2) ฤดูหนาว อยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนมกราคม โดยได้รับอิทธิพลจากลมมรสมตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นลมที่พัดเอาความหนาวเย็น และความแห้งแล้งเข้ามา อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 23 องศาเซลเซียส
3) ฤดูร้อน อยู่ในช่วง เดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนเมษายน โดยได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นลมร้อนพัดมาจากทะเลจีนใต้ อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 30 องศาเซลเซียส และจะสูงสุดปลายเดือนเมษายน

2.3 จำนวนครัวเรือนและประชากร

ประชากรตามข้อมูล จปฐ. ปี 2551 จำนวน 104 ครัวเรือน ชาย 188 คน หญิง 204 คน รวม 392 คน ครัวเรือนตกเกณฑ์ 0 ครัวเรือน รายละเอียดตามตารางท้ายนี้

ลักษณะประชากร (จำนวนร้อยละของประชากร)

ตามช่วงอายุ ชาย หญิง จำนวนคน ร้อยละ
น้อยกว่า 1 ปีเต็ม 2 0 2 0.51
1 ปีเต็ม – 2 ปี 7 11 18 0.59
3 ปีเต็ม – 5 ปี 7 13 20 5.10
6 ปีเต็ม – 11 ปี 22 23 45 11.48
12 ปีเต็ม – 14 ปี 9 18 27 6.89
15 ปีเต็ม – 17 ปี 6 10 16 4.08
18 ปีเต็ม – 49 ปี 79 54 133 33.93
50 ปีเต็ม – 60 ปี 24 33 57 14.54
มากกว่า 60ขึ้นไป ปีเต็ม 32 42 74 18.88

รวมทั้งหมด
188
204
392
100

หมู่บ้าน ปลาเข็ง มีจำนวนประชากร 392 คน อายุส่วนใหญ่อยู่ในช่วง อายุ 18 ปีเต็ม – 49 ปี
คิดเป็นร้อยละ 33.93


2.4 สภาพทางเศรษฐกิจ(รายได้ รายจ่าย เงินออม การประกอบอาชีพ ผลิตภัณฑ์)
รายได้ เฉลี่ยต่อคนต่อปี (ข้อมูล จปฐ. ปี 2551) เป็นเงิน 40,234 บาท ต่อครอบครัวต่อปี 161,664 บาท ต่ำกว่า 20,000 บาท/คนปี ไม่มี เกิน 20,000 บาท ทั้งหมด 104 ครัวเรือน
รายจ่าย เฉลี่ยต่อคนต่อปี เป็นเงิน 86,652 บาท ต่อครัวเรือน เป็นเงิน 22,989 บาท
เงินออม เฉลี่ยต่อคนต่อปี เป็นเงิน 639 บาท ต่อครัวเรือน เป็นเงิน 2,410 บาท
ตารางรายละเอียดข้อมูลท้ายนี้


การประกอบอาชีพ
ลักษณะอาชีพ จำนวน 104 ครัวเรือน
1. การทำนา จำนวน 56 ครัวเรือน ร้อยละ 53.85
2. การทำสวน จำนวน 2 ครัวเรือน ร้อยละ 1.92
3. การเลี้ยงสัตว์ จำนวน 22 ครัวเรือน ร้อยละ 21.15
4. การทำไร่ จำนวน 20 ครัวเรือน ร้อยละ 19.23
5. การทำอาชีพอื่นๆ จำนวน 4 ครัวเรือน ร้อยละ 3.85


รายได้จากการประกอบอาชีพ รวม 17,956,513 บาท
1. การทำนา จำนวน 4,834,800 บาท/ปี ร้อยละ 26.92
2. การทำสวน จำนวน 68,950 บาท/ปี ร้อยละ 0.38
3. การทำไร่ จำนวน 2,855,500 บาท/ปี ร้อยละ 15.90
4. การเลี้ยงสัตว์ จำนวน 2,284,523 บาท/ปี ร้อยละ 12.72
5. การทำอาชีพอื่นๆ จำนวน 7,912,740 บาท/ปี ร้อยละ 44.07


ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ

ชื่อสินค้า ผ้าไหมพื้นเมือง
ผลิตโดย สมาชิกกลุ่มสตรีหมู่บ้าน
รายละเอียดสินค้า เป็นผ้าไหมลายพื้นบ้าน
ปริมาณการผลิต/เดือน คนละ 10- 20 ผืน/เดือน


ชื่อสินค้า น้ำหมักชีวภาพ
ผลิตโดย กลุ่มเกษตรอินทรีย์
รายละเอียดสินค้า ผลิตจากเศษพืชทุกชนิด
ปริมาณการผลิต/เดือน ทำครั้งละ 1,000 ลิตร


ชื่อสินค้า การปลูกผักสวนครัว/พืชตระกูลถั่ว
ผลิตโดย กลุ่มสตรีแม่บ้าน
รายละเอียดสินค้า พืชผักสวนครัวทุกชนิด/ถั่วพร้าถั่วพุ่ม
ปริมาณการผลิต/เดือน หลังฤดูทำนา คนละ 1 งาน




2.5 สภาพทางสังคม
ภาษาพูดและศาสนา แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ ภาษาส่วย และภาษาพื้นเมืองอีสาน (ลาว) นับถือศาสนาพุทธ
สภาพบ้านเรือนมีความมั่นคงถาวร มีการจัดบ้านเรือนเป็นระเบียบถูกสุขลักษณะ ครอบครัวมีความอบอุ่น ผู้สูงอายุและคนพิการได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
จำนวนสถานศึกษา
( ) โรงเรียนประถมศึกษา ( ) โรงเรียนมัธยมศึกษา ( ) โรงเรียนขยายโอกาส
( ) ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
ถ้าไม่มีสถานศึกษาในหมู่บ้าน ไปเรียนที่ โรงเรียนบ้านขาม
หมู่ที่ 7 ตำบล จอมพระ


ขนบธรรมเนียม ความเชื่อและวัฒนธรรมประเพณี
1. ประเพณีบุญข้าวจี่ เป็นการนำข้าวเหนียวที่ปั้นโรยเกลือทาไข่ไก่ แล้วจี่ไฟให้สุกการทำบุญมีให้ทานข้าวจี่เป็นต้น การทำบุญข้าวจี่มีผู้นิยมทำกันมาก เพราะมีความเชื่อว่าได้บุญกุศลมาก เพราะเป็นการละทานชนิดหนึ่ง เวลาทำกำหนดเอาเดือนสาม จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าบุญเดือนสาม
2. ประเพณีบุญพระเวส บุญที่มีการเทศน์พระเวส หรือมหาชาติ บุญพระเวสกำหนดทำเดือนสี่ จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าบุญเดือนสี่
3. ประเพณีบุญสรงน้ำ เป็นการรดน้ำพระพุทธรูป พระสงฆ์หรือผู้หลักผู้ใหญ่ หรือการสรงน้ำ มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ตรุษสงกรานต์ หรือบุญเดือนห้า
4. ประเพณีบุญเข้าพรรษา โดยปกติกำหนดเอาวันแรม 1 ค่ำเดือน 8 จะมีการแห่เทียน ถวายผ้าอาบน้ำฝน และไปทำบุญที่วัด
5. ประเพณีบุญข้าวสาก หรือบุญเดือนสิบ จะมีการรวมญาติพี่น้อง ไหว้บรรพบุรุษ เลี้ยงอาหารระหว่างญาติพี่น้อง และมีการไปทำบุญตักบาตรที่วัด
6. ประเพณีออกพรรษา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ตั้งแต่เช้ามืดพระสงฆ์จะไปรวมกันที่โบสถ์เพื่อแสดงอาบัติแล้วทำวัตรเช้า พอรุ่งเช้าจะมีการทำบุญตักบาตร
7. ประเพณีเซ่นปู่ตา จะจัดขึ้นในวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 จัดขึ้นเพื่อขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้เคยล่วงเกินในช่วงที่ไปทำนาในฤดูกาลที่ผ่านมา
8. ประเพณีรำแม่มด เป็นประเพณีที่เป็นความเชื่อของชาวบ้านในเรื่องของการช่วยให้คนไข้หาย จากการเจ็บป่วย โดยการจัดพิธีกรรมแล้วจะมีแม่หมอมาเข้าทรงแล้วก็จะไถ่ถามแม่หมอว่าทำไมคนคนนี้ถึงได้เจ็บป่วย และ จะให้ทำอย่างไร แก้ไขอย่างไร จากนั้นญาติของผู้ป่วยก็จะไปดำเนินการตามที่แม่หมอได้บอกมา
9. ประเพณีแห่นาค ตัวของนาคจะต้องมีการแต่งหน้าทาแก้มแดง พาดด้วยผ้าสีสด คือ สีแดง สีเขียว สีน้ำเงินสีเหลืองและจะต้องสวมชฎาการสวมชฎาหมายถึง หัวของนาคที่เป็นสัตว์ที่ต้องการบวชในพระพุทธศาสนา ส่วนการที่ต้องแต่งหน้านาคให้เหมือนผู้หญิงเพื่อให้หญิงคนรักของนาคดูไม่ออกว่าเป็นผู้ชาย เพราะผู้หญิงนั้นจะอยู่ใกล้กับพระไม่ได้ การแห่นาคก็แห่ด้วยช้าง รถยนต์ หรือยานพาหนะอื่นๆ ตามแต่ฐานะของผู้บวช



ภูมิปัญญาท้องถิ่น
1. ด้าน แพทย์แผนไทยโบราณ ผู้สืบทอดมี นางมร บูรณะ นางนาลี นายสี สาลี (หมอตำแย) นางวันดี สิงห์คำ (หมอสมุนไพร)
2. ด้าน พิธีกรรม ศาสนา ผู้สืบทอดมี นายพา ทองนรินทร์
3. ด้าน จักสาน ผู้สืบทอดมี นายลี ศรีเพชร นายคาร บูรณะ นายเสาร์ เจริญยิ่ง
4. ด้าน ทอผ้า ผู้สืบทอดมี นางสำรอง เงางาม นางมอญ บูรณะ


2.6 สถานที่ท่องเที่ยว/ทรัพยากรธรรมชาติ/สิ่งแวดล้อม
1. สถานที่ท่องเที่ยว ชื่อ หนองปลาเข็ง



2. ป่าชุมชน หนองม้าโป่ง


2.7 กลุ่ม/องค์กรที่สำคัญ และมีกิจกรรมที่ดำเนินการต่อเนื่อง

1. กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ผ่านการประเมินได้ระดับ 3 A มีเงินทุน 1,100,000 บาท กรรมการกองทุน 15 คน สมาชิก 85 คน
2. ธนาคารข้าว มีเงินทุน 21,500 บาท กรรมการกองทุน 5 คน สมาชิก 50 คน
3. กลุ่มอาชีพทอผ้า มีเงินทุน 15,400 บาท กรรมการ 8 คน สมาชิก 15 คน
4. กลุ่มกองทุนอาชีพพัฒนาสตรี มีเงินทุน 28,000 บาท กรรมการ 15 คน สมาชิก 20 คน
5. การดำเนินงานโครงการหมู่บ้าน กข.คจ. มีเงินทุน 285,000 บาท กรรมการ 9 คน สมาชิก 15 คน
6. องค์กรในหมู่บ้านมี 14 องค์กร
 คณะกรรมการหมู่บ้าน จำนวน 15 คน
 คณะกรรมการพัฒนาสตรีหมู่บ้าน จำนวน 15 คน
 คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน กข.คจ. จำนวน 9 คน
 อาสาพัฒนาชุมชน จำนวน 4 คน
 คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน จำนวน 15 คน
 คณะกรรมการธนาคารข้าว จำนวน 5 คน
 คณะกรรมการกลุ่มทอผ้า จำนวน 8 คน
 อสม. จำนวน 8 คน
 อาสาสมัครปศุสัตว์ จำนวน 2 คน
 หมอดิน จำนวน 1 คน
 อพปร. จำนวน 5 คน
 อาสาสมัครพัฒนาสังคม จำนวน 2 คน
 อาสาสมัครเกษตร จำนวน 1 คน
 อบต. จำนวน 2 คน



3. การประเมินสถานการณ์พัฒนาหมู่บ้าน
3.1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานระดับหมู่บ้าน(กชช.2ค) ปี 2550
บ้านปลาเข็ง ได้ดำเนินการจัดเก็บข้อมูลพื้นฐานระดับหมู่บ้าน (กชช.2 ค) ปี 2550 จำนวนครัวเรือนทั้งหมด 124 ครัวเรือน ราษฎร 591 คน สรุปผลการประเมินที่สำคัญ ดังนี้
ระดับการพัฒนาหมู่บ้าน เป็นหมู่บ้านเร่งรัดพัฒนาอันดับ 3
ตัวชี้วัดที่มีปัญหา มีตัวชี้วัดที่มีปัญหารุนแรง จำนวน 2 ตัวชี้วัด เรียงตามลำดับ ดังนี้
ลำดับปัญหา ดัชนีชี้วัด(เลขลำดับ) สภาพปัญหา
ระดับ หมายเหตุ
1 อัตราการเรียนต่อของประชาชน (20) 1 1 - ปัญหามาก
2 การเรียนรู้โดยชุมชน (22) 1 2 -ปัญหาปานกลาง
3 การติดต่อสื่อสาร (7) 2
4 ระดับการศึกษาของประชาชน (19) 2
5 การได้รับการศึกษา (23) 2
6 การรวมกลุ่มของประชาชน (25) 2
แนวทางการพัฒนา จากสภาพปัญหารุนแรงที่หมู่บ้านประสบอยู่ที่สำคัญ 2 ลำดับแรก หมู่บ้านได้กำหนดแนวทางการพัฒนา ดังนี้
1. ปัญหาอัตราการเรียนต่อของประชาชน (ข้อ 20) ในภาพรวมเป็นตัวชี้วัดที่หมู่บ้านประสบปัญหารุนแรง หมู่บ้าน มีการส่งเสริมการพัฒนาการด้านการศึกษาต่อของประชาชน โดยกำหนดบังคับให้เรียนต่อจนจบการศึกษาภาคบังคับ 12 ปี และส่งเสริมและพัฒนาในการเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา หรือ การศึกษาตามอัธยาศัย โดยเฉพาะด้านวิชาชีพ เป็นหลัก
2. ปํญาการเรียนรู้โดยชุมชน (ข้อ 22 ) เป็นตัวชี้วัดที่มีปัญหารุนแรงรองจากปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินของชุมชน หมู่บ้านกำหนดแนวทางการพัฒนาโดยการส่งเสริมให้หมู่บ้าน/ชุมชนมีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตัวเองผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่มีอยู่แล้วในชุมชน เช่น การประชุมคณะกรรมการหมู่บ้าน การประชุมคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน การจัดเวทีประชาคมหมู่บ้านเพื่อทบทวนปรับปรุงแผนชุมชน อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อชุมชนะได้เกิดกระบวนการเรียนรู้ และถ่ายทอดองค์ความรู้ภายในชุมชนอย่างต่อเนื่อง การฝึกอบรมเพิ่มพูนประสิทธิภาพคณะกรรมการหมู่บ้าน คณะกรรมการกลุ่ม/องค์กรที่อยู่ในชุมชนให้มีขีดความสามารถในการจัดการองค์ความรู้อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ตลอดจนการส่งเสริมให้มีการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงให้เกิดขึ้นในชุมชน เป็นต้น


3.2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน(จปฐ.) ปี 2551
ผลการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนบ้าน ปลาเข็ง ตามข้อมูล จปฐ. ปี 2551 พบว่า ประชาชนบรรลุเกณฑ์ชี้วัดความจำเป็นพื้นฐาน จำนวน 26 ตัวชี้วัด ไม่บรรลุเกณฑ์ชี้วัด 15 ตัวชี้วัด ดังนี้
ลำดับ ลำดับ/ตัวชี้วัด จำนวนต้องแก้ไข ต่ำกว่าเป้าหมาย(%)
1 31. ครัวเรีอนมีการเก็บออม 45 คร. 49.2 %
2 29. คนอายุ 15-60 ปีเต็ม มีการประกอบอาชีพและมีรายได้ 74 คน 30.9 %
3 17. ครัวเรือนมีการจัดบ้านเรือนเป็นระเบียบถูกสุขลักษณะ 28 คร. 22.7 %
4 18. ครัวเรือนไม่ถูกรบกวนจากมลพิษ 14 คร. 13.5 %
5 10. คนในครัวเรือนมีความรู้ในการใช้ยาที่ถูกต้องเหมาะสม 11 คร. 11.0 %
6 38. ครัวเรือนมีคนเป็นสมาชิกกลุ่มที่ตั้งขึ้นในหมู่บ้าน ตำบล 16 คร. 10.8 %
7 28. คนในครัวเรือนได้รับรู้ข่าวสาร สัปดาห์ละ 5 ครั้ง 8 คร. 9.5 %
8 33. คนในครัวเรือนไม่สูบบุหรี่ 76 คน 9.4 %
9 32. คนในครัวเรือนไม่ติดสุรา 28 คน 7.1 %
10 20. ครัวเรือนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 7 คร. 6.9 %
11 35. คนอายุ 6 ปึ้นไปทุกคนปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนา สัปดาห์ละ 1 ครั้ง 6 คร. 6.2 %
12 14. ครัวเรือนมีความมั่นคงในที่อยู่อาศัย 6 คร. 5.8 %
13 9. ทุกคนในครัวเรือนได้กินอาหารถูกสุขลักษณะ ปลอดภัย ได้มาตรฐาน 9 คร. 4.9 %
14 21. ครอบครัวมีความอบอุ่น 3 คร. 2.9 %
15 19. ครัวเรือนมีการป้องกันอุบัติภัยอย่างถูกวิธี 3 คร. 2.9 %


แนวทางการพัฒนา จากตัวชี้วัดที่ครัวเรือนไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินที่มีความสำคัญ 5 ลำดับแรก หมู่บ้านได้กำหนดแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ดังนี้
1. ตัวชี้วัดครัวเรือนมีการเก็บออม (31) ในภาพรวมเป็นตัวชี้วัดที่ครัวเรือน ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน จำนวน 45 ครัวเรือน หรือร้อยละ 49.2 หมู่บ้าน ให้ความสำคัญในการรณรงค์เผยแพร่ให้ความรู้เกี่ยวกับการออมเงิน การจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต ฯลฯ แก่ประชาชน และในการแก้ไขปัญหาต้องให้ความสำคัญกับการออม ให้เข้ามามีส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในเบื้องต้น ผลักดันให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนงบประมาณในการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวของกับการออม เป็นศูนย์กลางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เช่น กองทุนสวัสดิการออมวันละบาท การคัดเลือกคนต้นแบบการออม การจัดทำบัญชีการออมทรัพย์ เป็นต้น
2. ตัวชี้วัดคนอายุ 15-60 ปีเต็ม มีการประกอบอาชีพและมีรายได้ (29) ในภาพรวมเป็นตัวชี้วัดที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน จำนวน 74 คน หรือร้อยละ 30.9 หมู่บ้านได้กำหนดแนวทางการประชาสัมพันธ์การสมัครเป็นสมาชิกกลุ่มอาชีพต่างๆ ที่อยู่ในหมู่บ้าน โดยให้แกนนำหมู่บ้านเป็นตัวอย่างที่มีคุณภาพ และต่อเนื่อง อบรมให้มีความรู้ความสามารถและทักษะความรู้ในอาชีพอย่างมีมาตรฐาน รวมทั้งจัดการให้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ ต่อไปด้วย
3. ตัวชี้วัดคนในครัวเรือนมีการจัดบ้านเรือนเป็นระเบียบถูกสุขลักษณะ (17) ในภาพรวมเป็นตัวชี้วัดที่ครัวเรือนไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินมีจำนวน 28 ครัวเรือน หรือร้อยละ 22.7หมู่บ้านกำหนดแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยโดยให้หมู่บ้านและครัวเรือนมีส่วนร่วมในการปรับปรุงและซ่อมแซมบ้านเรือน ส่งเสริมให้ท้องถิ่นสนับสนุนการดำเนินโครงการสร้างบ้าน หรือปรับปรุงบ้านน่าอยู่ ให้แก่ครัวเรือนเป้าหมาย เป็นต้น
4. ตัวชี้วัดครัวเรือนไม่ถูกรบกวนจากมลพิษ (18) ในภาพรวมเป็นตัวชี้วัดที่ครัวเรือนไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน จำนวน 14 ครัวเรือน หรือร้อยละ 13.5 หมู่บ้านได้กำหนดแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตดังกล่าวโดยให้หมู่บ้านและครัวเรือนมีส่วนร่วมในการรณรงค์ป้องกันและเสริมสร้างสิ่งแวดล้อมชุมชนที่ดี ลดมลภาวะ กำหนดข้อบังคับหมู่บ้าน/ชุมชน ส่งเสริมให้ท้องถิ่นสนับสนุนการจัดกิจกรรมรณรงค์และประกวดหมู่บ้านสะอาด เป็นต้น
5. ตัวชี้วัดครัวเรือนมีการใช้ยาอย่างถูกต้องเหมาะสม (10) ในภาพรวมเป็นตัวชี้วัดที่ไม่ผ่านเกณฑ์ประเมิน จำนวน 11 ครัวเรือน หรือร้อยละ 11 หมู่บ้าน ได้กำหนดแนวทางการเสริมสร้างสุขภาพอนามัยของประชาชน โดยการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ความรู้ในการใช้ยาและโทษจากการใช้ยาที่ไม่ถูกต้องให้แก่แกนนำหมู่บ้านอย่างเพียงพอมีคุณภาพ และต่อเนื่อง และการพัฒนาบุคลากรสาธารณสุขให้มีความรู้ความสามารถและทักษะในการส่งเสริมความรู้อย่างมีมาตรฐาน รวมทั้งการจัดให้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการใช้ยาที่ถูกต้อง



การวิเคราะห์ตัวชี้วัดที่มีผลกระทบต่อการตกเกณฑ์ จปฐ. ปี 2551 ตัวชี้วัดข้อ 33 คนในครัวเรือนไม่ติดสุรา ของครัวเรือนในหมู่บ้านปลาเข็ง


ตัวชี้วัดที่เป็นตัวแปรต้นที่นำมาวิเคราะห์ คือ

1. ตัวชี้วัดข้อ 32 คนในครัวเรือนไม่ติดสุรา
2. ตัวชี้วัดข้อ 29 คนอายุ 15-60 ปีมีการประกอบอาชีพและมีรายได้
3. ตัวชี้วัดข้อ 12 คนอายุ 6ปีขึ้นไป ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 30 นาที
4. ตัวชี้วัดข้อ 11 คนอายุ 35 ปีขึ้นไป ได้รับการตรวจสุขภาพประจำปี

Input Importance Table

Input Value, %
คนไม่ติดสุรา 33.105
คน 15-60 ปีมีการประกอบอาชีพ รายได้ 49.577
คนอายุ6+มีการออกกำลังกาย 17.317









4. แนวโน้ม/ทิศทางการพัฒนาหมู่บ้าน

4.1 ศักยภาพของหมู่บ้าน
1. เป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิ /แปลงสาธิตการ ปลูกผักสวนครัว
2. มีการพัฒนาดินโดยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์
3. มีป่าชุมชน
4. มีการเลี้ยงโค – กระบือ ทุกหมู่บ้าน
5. มีแหล่งทุนชุมชนทุกหมู่บ้าน เช่น กทบ, กลุ่มออมทรัพย์ฯ กองทุนปุ๋ย
6. มีแหล่งเรียนรู้ด้านเกษตรกรรม การทอผ้า
7. มีแหล่งน้ำการเกษตร
8. ภาคีมีส่วนร่วมกิจกรรมทุกระดับ
9. การคมนาคมสะดวก
10. การอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณีของชุมชน มีวัดเป็นศูนย์กลางหมู่บ้าน
11. มีกลุ่มองค์กรต่างๆที่เข้มแข็ง
12. มีผลิตภัณฑ์ชุมชนดีเด่นในการทอผ้าไหม
13. มีปราชญ์ชาวบ้าน
14. มีความเอื้อเฟื้อให้กันและกัน

4.2ปัญหาที่สำคัญของหมู่บ้าน

1 คนในครัวเรือนมีการใช้ยาไม่ถูกต้อง
2 หมู่บ้านขาดแหล่งการเรียนรู้ชุมชน ด้าน อาชีพเสริม การตลาด
3 คุณภาพดินมีปัญหา ด้านการขาดการบำรุงดิน เป็นดินทราย
4 ครัวเรือนมีหนี้สิน ขาดการออม
5 ภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง แหล่งน้ำตื้นเขิน น้ำไม่เพียงพอ
6 ขาดการบริหารจัดการทุนชุมชน
7 มีการอพยพด้านแรงงานสูง
8 เยาวชนจับกลุ่มมั่วสุม กินสุรา สูบบุหรี่
9 มีมลพิษจากฝุ่นละออง
10 ขาดคุณธรรม จริยธรรม .
11 ต้นทุนการผลิตสูง


4.3 ทิศทางการพัฒนาหมู่บ้าน
ผลการวิเคราะห์สภาพปัญหา สาเหตุของปัญหา ผลกระทบต่อชุมชน และวิธีการแก้ไขปัญหา
สภาพปัญหา สาเหตุของปัญหา ผลกระทบต่อชุมชน วิธีการแก้ไขปัญหา
1. ปัญหาความยากจน



1. มีหนี้สิน
2. ขาดที่ดินทำกิน
3. ไม่มีอาชีพเสริม
4. ฟุ่มเฟือย 1. เป็นหนี้เพิ่มขึ้น
2. ขาดรายได้ 1. จัดทำบัญชีครัวเรือน
2. อบรมอาชีพเสริม
3. จัดหางานเวลาว่าง
2. ขาดอุปกรณ์การประกอบอาชีพ



1. ครัวเรือนยากจนไม่ได้รับการส่งเสริมกู้ยืมเงินประกอบอาชีพ
2. ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนชุมชน 1. ครัวเรือนยากจนไม่มีทุนประกอบอาชีพ
2. เป็นภาระของชุมชน 1. แนะแนวอาชีพ
2. สร้างภูมิปัญญาการประกอบอาชีพ
3. สนับสนุนอุปกรณ์การประกอบอาชีพ
3. ขาดความรู้การตลาด การทำการเกษตร



1. การเอาอย่าง ไม่สนใจหาความรู้
2. ค่านิยมผิด หวังพึ่งแต่หน่วยงานราชการ 1. ขาดทุน ต้นทุนสูง
2. ปัญหาครอบครัว
3. รายได้ไม่พอจ่าย 1. อบรมด้านจัดการตลาด
2. ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพหลัก
3. จัดอบรมทำการเกษตรยั่งยืน
4. น้ำเพื่อการเกษตรไม่เพียงพอ



1. แหล่งน้ำตื้นเขิน
2. แหล่งน้ำไม่เพียงพอ
3. ไม่มีการกักน้ำไว้ใช้ 1. น้ำการเกษตรไม่เพียงพอ ทั้งปกติ และนอกฤดูกาล 1. ขุดลอกแหล่งน้ำ
2. สร้างฝาย
3. สร้างใหม่
4. จัดหาเครื่องสูบน้ำ
5. ปัญหาการว่างงาน




1 ไม่มีอาชีพเสริม
2. มีตัวอย่างไม่ดีให้เห็น
3.ระบบเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย 1. การอพยพแรงงาน
2. ดื่มสุรา การพนัน
3. มีปัญหาสังคมอื่นๆ ตามมา 1. จัดหาแหล่งเรียนรู้ชุมชน
2. จัดหาอาชีพเสริม
3. จัดอบรมให้ความรู้ต่างๆ

5. กิจกรรม/โครงการและผลการพัฒนาหมู่บ้านในรอบปีที่ผ่านมา ( ต.ค. 50 - ก.ย.51)
5.1 สรุปกิจกรรมการพัฒนาในรอบปีที่ผ่านมา
ชื่อกิจกรรม / โครงการ ดำเนินการ
ระหว่าง ลักษณะของกิจกรรม เจ้าของ
งบประมาณ เป็นเงิน
บาท
1. การปลูกผักรั้วกินได้

2. การเลี้ยงสัตว์กินได้ในครัวเรือน
3. การไถกลบตอซัง
4. การจัดทำปุ๋ยชีวภาพ/ปุ๋ยอินทรีย์
5. การเข้าวัด พัฒนาจิต
6. ปรับปรุงภูมิทัศน์และพัฒนาหมู่บ้าน วัด โรงเรียน
7. สร้างถนนดินไปห้วยลึก
8.สร้างถนนคอนกรีต

9.ทำบุญวันปีใหม่ ธ.ค.50- มี.ค. 51

ตลอดปี
ก.พ. –มี.ค. 51
ตลอดปี
ทุกวันพระ
เดือนละครั้ง

มีค. 51
ตค.50-กย.51

1 ม.ค. 51 ปลูกตามริมรั้ว และเป็นแปลงในบริเวณบ้าน 104 ครัวเรือน
เลี้ยงปล่อยบริเวณบ้าน
โครงการปรับปรุงบำรุงดิน
ทุกหลังคาเรือน
ทุกหลังคาเรือน
ทำความสะอาด ปรับปรุงรั้ว

กว้าง 4 ม.ยาว 1,100 ม.
ถนนกว้าง 3 ม.ยาว 130 ม.
บวชสามเณร ชีพราหมณ์
ทำบุญตักบาตร อวยพร ราษฎร

ราษฎร
เจ้าของไร่
ราษฎร
ราษฎร
บริจาค

อบต.
อบต.

บริจาค 130,000

215,000
500บาท/ไร่
200,000
12,000
260,000

135,000
185,000

12,000
10. การควบคุมป้องกันยุงลาย
11.ซ่อมแซมฝายน้ำล้น
12. การอบรมทอผ้าไหม
13. การส่งเสริมประเพณีชุมชน
14. การส่งเสริมอาชีพเกษตรอินทรีย์
15. การส่งเสริมประเพณีชุมชน
16. การขุดร่องน้ำในหมู่บ้าน
17. การจัดเวทีทำแผนชุมชน
18. การอบรมจัดเก็บ จปฐ.
19. การจัดเวทีประเมินหมู่บ้าน

20. การคัดเลือกข้าวพันธุ์
มี.ค.51
มค. 51
มี.ค. 51
มี.ค. 51
ตุลาคม 50

เมษายน
ก.พ. 51
27 มกราคม
ตค.-พย. 50
มีนาคม-เมษายน

เมย. 51



การกำจัดยุงลาย พ่นควัน
สมทบแรงงาน
ย้อมสีไหม การตลาด
กวนข้าวทิพย์
การปลูกพืชตระกูลถั่ว

วันสงกรานต์
กว้าง 0.50 ม.ยาว 1 กม.
จัดเวทีทำแผนชุมชน 5 ปี
อบรม สาธิต จัดเก็บ
จัดทำรายงานการพัฒนาหมู่บ้านประจำปี
จัดซื้อพันธุ์ข้าวมะลิ สสอ.
อบต.
อบต.
ชุมชน
สมทบ

อบต.
ชุมชน
พช./อบต.
พช.
พช.

จังหวัด 10,000
60,000
35,000
15,000
50,000

20,000
150,000
2,500
1,400
1,400

50,000
5.2 บทบาทของนักพัฒนาชุมชนในการสนับสนุนการพัฒนาหมู่บ้านตามทิศทางการพัฒนาหมู่บ้าน

5.2.1 การร่วมกำหนดทิศทางการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาจากแผนชุมชน
- ร่วมจัดประชาคมหาจุดแข็ง จุดอ่อน เพื่อนำไปทำแผนชุมชน
- การประสานงานและประชาสัมพันธ์การจัดทำโครงการขอรับการสนับสนุนงบ
5.2.2 การร่วมกำหนดอัตลักษณ์ หรือวิสัยทัศน์ของหมู่บ้าน
“การจัดประชาคมเพื่อหาอัตลักษณ์ของหมู่บ้านเพื่อให้หมู่บ้านกำหนดตำแหน่งในการพัฒนาหมู่บ้านใน 5 – 10 ปีข้างหน้า และสร้างแนวทางในการส่งเสริมอาชีพของหมู่บ้านตามอัตลักษณ์ของหมู่บ้านที่ต้องการจะเป็น และเป็นพื้นที่หลักในการบูรณาการแก้ไขปัญหาความยากจน เสริมสร้างความมั่นคงภายใน อำนวยความเป็นธรรมทางสังคม รวมทั้งพัฒนาคุณภาพการให้บริการประชาชนและดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้ประชาชน เกิดความสงบสุขในสังคมอย่างยั่งยืน ทั้งนี้เพื่อพัฒนาคนและสังคมให้มีคุณภาพ”
5.2.3 การจัดทำพันธกิจของหมู่บ้าน
- บูรณาการและดำเนินการแก้ไขปัญหาความยากจนโดยอำนวยการบริการราชการ ทุกภาคส่วน
- เสริมสร้างการอำนวยความเป็นธรรม ความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของสังคม
- ส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี การบริการประชาชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน
- เสริมสร้างความมั่นคงภายใน พัฒนางานข่าวกรอง และโครงข่ายการสื่อสารรวมทั้งการแก้ไขปัญหา สถานะและสิทธิของบุคคลที่ยังไม่มีสถานภาพที่ชัดเจน
- จัดระเบียบหมู่บ้าน/ชุมชน และบูรณาการแก้ไขปัญหาหมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อให้ชุมชนเข้มแข็ง
- สนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- ขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติในระดับอำเภอ
5.2.4 การจัดทำยุทธศาสตร์ของหมู่บ้าน
- การแก้ไขปัญหาความยากจน
- การพัฒนาคนและสังคมที่มีคุณภาพ และส่งเสริมสิทธิมนุษยชน
- การพัฒนากฎหมายและส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
- ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย
- เพิ่มขีดความสามารถในการรักษาความมั่นคงภายใน และความสงบเรียบร้อย
- การบริการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- การบูรณาการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม



6. อัตลักษณ์และตำแหน่งการพัฒนาหมู่บ้าน แนวทางการพัฒนาอาชีพ

6.1 ผลการวิเคราะห์ภาพรวมของหมู่บ้านในการค้นหาจุดเด่น
อัตลักษณ์ ตำแหน่งการพัฒนาหมู่บ้าน ตำแหน่งการพัฒนาอาชีพหมู่บ้าน

การปลูกข้าวปลอดสาร

การเป็นหมู่บ้านเกษตรอินทรีย์
การส่งเสริมอาชีพการผลิตข้าวอินทรีย์

6.2 แนวทางการพัฒนาอาชีพของหมู่บ้าน
3.1 ส่งเสริมการทำปุ๋ยอินทรีย์ น้ำหมักชีวภาพ
3.2 ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพพันธุ์หอมมะลิอินทรีย์ และดิน การปลูกหญ้าแฝก
3.3 การแปรรูปผลิตภัณฑ์ข้าวสาร เพื่อกิน และจำหน่าย
34 การส่งเสริมสนับสนุนทำนา ปลูกผักสวนครัว โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์
3.5 การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ข้าวและผักอินทรีย์
3.6 การส่งเสริมการจัดหาตลาดเกษตรอินทรีย์ และโรงสีรับซื้อข้าวอินทรีย์



7. ข้อเสนอแนะของนักพัฒนา ชุมชนต่อการพัฒนาหมู่บ้าน

7.1 การวิเคราะห์จุดแข็ง(ศักยภาพ)ของหมู่บ้าน (ปัจจัยภายใน เช่น ผู้นำ , กลุ่มองค์กร ,เครือข่าย,
ทุน ฯ )
1. มีวัดเป็นศูนย์รวมของหมู่บ้าน
2. มีกลุ่ม องค์กรที่เข้มแข็ง เช่น กลุ่มทอผ้าไหม กองทุนหมู่บ้าน
3. มีผู้นำหมู่บ้าน ชุมชน องค์กรที่ดี เข้มแข็ง สนใจในการพัฒนาหมู่บ้าน
4. มีการรวมกลุ่มหลากหลายในการจัดกิจกรรมพัฒนาหมู่บ้าน

7.2 การวิเคราะห์จุดอ่อน(ปัญหา)ของหมู่บ้าน (ปัจจัยภายใน เช่น หนี้สิน ,ต้นทุนการผลิต, แหล่งน้ำ ฯ )
1. มีหนี้สินมาก
2.ขาดอาชีพเสริม ไม่มีอาชีพรอง อพยพแรงงานสูง
3. น้ำการเกษตรไม่เพียงพอ
4. ต้นทุนการทำนาสูง (จ้างทำนา)
5. พันธุ์ข้าวไม่มีคุณภาพ

7.3 การวิเคราะห์ทิศทางการพัฒนาของหมู่บ้าน
1. รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณให้หมู่บ้าน/ชุมชนได้ทำโครงการต่างเพื่อแก้ปัญหาความยากจนและสร้างรายได้และลดรายจ่าย เช่นโครงการยุทธศาสตร์อยู่ดี มีสุข
2. รัฐบาลส่งเสริมด้านการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรให้มีราคาที่เหมาะสมไม่ตกต่ำจนเกินไป
3. รัฐบาลต้องสนับสนุนและส่งเสริมให้ความรู้และงบประมาณในด้านการผลิตพลังงานทดแทน เช่น ไบโอดีเซล
4. รัฐบาลออกเอกสารสิทธิ์ให้กับผู้ที่ครอบครองในที่ดินทำกินที่ยังไม่มีเอกสารสิทธิ์
7.4 บทบาทของนักพัฒนาชุมชน ที่จะสนับสนุนในอนาคต
1. ส่งเสริม สนับสนุนการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ชุมชนที่มีประโยชน์ต่อการเรียนรู้เพื่อพัฒนาหรือแก้ปัญหาต่างๆในชุมชน
2. ประสานให้องค์กรส่วนท้องถิ่นสนับสนุนงบประมาณด้านส่งเสริมอาชีพมากขึ้น
3. สร้างเครือข่ายองค์กร เครือข่ายการเรียนรู้ชุมชน
4. สนับสนุนและจัดตั้งศูนย์ประสานองค์การชุมชน
5. ส่งเสริมและสนับสนุนทุกภาคส่วนในการใช้แผนชุมชนแก้ไขหรือพัฒนาชุมชน
6. ใช้พื้นที่ กลุ่ม องค์กรเป็นที่ตั้งในการพัฒนา แก้ไขปัญหาชุมชน

8. คณะทำงานจัดทำรายงานการประเมินพัฒนาหมู่บ้าน

1. ชื่อ นายสงวน สุขแสวง ตำแหน่ง ผู้ใหญ่บ้าน
2. ชื่อ นายสิงห์ บูรณะ ตำแหน่ง สมาชิก อบต.
3. ชื่อ นายประสบ มณีศรี ตำแหน่ง สมาชิก อบต.
4. ชื่อ นายจิตติกร เจริญยิ่ง ตำแหน่ง ประธานประชาคม
5. ชื่อ นายสมยงค์ บูรณะ ตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
6. ชื่อ นายเสษ แสวงสุข ตำแหน่ง กม.
7. ชื่อ นางสำรอง เงางาม ตำแหน่ง อช.
8. ชื่อ นางบัวเกลี้ยง บุญมี ตำแหน่ง ประธาน กทบ.
9. ชื่อ นางสมัย บุตรงาม ตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
10. ชื่อ นายท้าย ชำนาญเสาว์ ตำแหน่ง กม.
11. ชื่อ นายสวิง สุขแสวง ตำแหน่ง ประธาน กพสม.
12. ชื่อ นางอนงค์ การงานดี ตำแหน่ง อสม.
13. ชื่อ นายพา ทองนรินทร์ ตำแหน่ง ปราชญ์ชาวบ้าน
14 ชื่อ นายปฏิภาณ พวงจันทร์ ตำแหน่ง อสม.
15. ชื่อ นางวิก ศรีเพชร ตำแหน่ง กพสม.

















9. ภาคผนวก/รายงานประชาคมประเมินการพัฒนาหมู่บ้าน
ระเบียบวาระการประชุมคณะทำงานการประเมินสถานะการพัฒนาหมู่บ้าน ปี 2551
บ้าน ปลาเข็ง หมู่ที่ 3 ตำบล จอมพระ อำเภอจอมพระ
วันที่ 22 เดือน มีนาคม พ.ศ.2551
เริ่มประชุม เวลา 18.00 น.
เมื่อที่ประชุมพร้อมนายสงวน สุขแสวง ผู้ใหญ่บ้านได้กล่าวเปิดการประชุมคณะทำงานประเมินสถานะพัฒนา
โดยได้ทำการนับองค์ประชุม มีผู้ เข้าร่วมประชุม จำนวน 83 คน ถือว่าครบองค์ประชุม จึงดำเนินการตามระเบียบ
วาระ ดังนี้
ระเบียบวาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งที่ประชุมทราบ
1.การจัดประชุมในวันนี้เป็นการประเมินสถานะการพัฒนาหมู่บ้าน ปี 2551 เพื่อได้ร่วมแสดงความคิดเห็น
ในการประเมินสถานะการพัฒนาของหมู่บ้าน ซึ่งมีคณะทำงานจัดทำรายงานประเมินการพัฒนาหมู่บ้าน จำนวน 3 คน
เป็นผู้ร่างขึ้น
2.ความสำคัญในการประเมิน ประธานแจ้งที่ประชุมทราบว่า การประเมินการพัฒนาหมู่บ้านเป็นสิ่งที่
ชุมชนของเรา สามารถทำการวิเคราะห์ ทำความรู้จักตนเอง รู้จักชุมชน คิดหาแนวทางในการพัฒนาชุมชนบ้านเรา
โดยตัวเราเอง โดยเราจัดทำรายงานนี้ ถือว่าเป็นการสรุปข้อมูลหมู่บ้านในรอบหนึ่งปี ที่เกิดงานเกิดกิจกรรม
และสามารถใช้เป็นเครื่องมือให้พวกเราช่วยกันพัฒนาตนเอง ที่สำคัญให้พวกเรารู้ว่า เรามีทุน เรามีอาชีพอะไรที่เป็น
พื้นฐาน เรามีที่ท่องเที่ยว มีสินค้าพื้นเมือง หรือเรามีปราชญ์ชาวบ้าน ทีมีคุณค่าอยู่แล้ว สิ่งเหล่านี้ต้องมาดูว่า ในอีก
5 -10 ปี ข้างหน้าเราจะเอาสิ่งเหลานี้มาสร้างรายได้ให้กับพวกเราได้อย่างไร อันนี้ เรียกว่า "ตำแหน่งของชุมชน"
เราต้องเอาสิ่งเหล่านี้มาสร้างรายได้
ที่ประชุม มีมติรับรอง
ระเบียบวาระที่ 2 เรื่องเสนอที่ประชุมพิจารณา
1.ประธานนำร่างแบบรายงานผลการประเมิน มาอ่านให้ที่ประชุมได้ทราบ และร่วมกันพิจารณาในประเด็นต่าง ๆ
ให้ที่ประชุมทำการปรับปรุง แก้ไขได้ตามความเห็น และเหตุผลของที่ประชุม จนครบทุกประเด็น ประธาน
จึงได้สอบถามมติที่ประชุม ว่ารับรองหรือไม่
มติที่ประชุม ออกเสียงรับรอง จำนวน 83 คน
ออกเสียงไม่รับรอง จำนวน 0 คน
ปิดประชุม เวลา 21.00 น.
(ลงชื่อ) สมยงค์ บูรณะ ผู้บันทึกการประชุม
( นายสมยงค์ บูรณะ)
(ลงชื่อ) สงวน สุขแสวง ผู้ตรวจรายงานการประชุม
( นายสงวน สุขแสวง)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น